ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเฉียบพลัน (sudden cardiac arrest) ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญ ในหลายภูมิภาคทั่วโลก การช่วยชีวิตผู้ป่วยขั้นพื้นฐาน(BLS) เป็นขั้นตอนสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยดังกล่าว บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งบุคคลทั่วไป ควรมีความรู้ ความเข้าใจ ถึงขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ รวมถึงการตรวจประเมินผู้ป่วย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
American Heart Association (AHA ) ซึ่งได้เปลี่ยนแนวทางการช่วยชีวิตใหม่ในปีค.ศ. 2010 จากที่เคยทำไว้เมื่อปี 2005 โดยขั้นตอนในการช่วยเหลือที่เสนอแนะโดยมี 5 ขั้นตอนดังนี้
1. วินิจฉัยภาวะหัวใจหยุดเต้นให้เร็ว และตามทีมช่วยชีวิตให้ได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
2. เริ่มทำการช่วยชีวิตโดยการนวดหัวใจ (chest compression)
3. ทำการช็อคไฟฟ้า (defibrillation)ตามข้อบ่งชี้อย่างรวดเร็ว
4. ทำการช่วยชีวิตขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การให้การดูแลรักษาผู้ป่วยหลังจากหัวใจหยุดเต้นอย่างเหมาะสม
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (BLS) ครอบคลุมขั้นตอน 1-3 การปฏิบัติตามขั้นตอนนี้ในการช่วยผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาลและคลื่นหัวใจเป็นแบบ Ventricular fibrillation จะเพิ่มอัตรารอดขึ้นมาเกือบ 50%
การกดหน้าอก (chest compression) เป็นขั้นตอนสำคัญของ BLS ผู้ป่วยcardiac arrest ทุกรายต้องได้รับการกดหน้าอก ที่ต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ การกดในลักษณะที่จะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดโดยการเพิ่มความดันในช่องอก และการกดลงบริเวณหัวใจโดยตรง มีดังนี้
– ออกแรงกดเป็นจังหวะบริเวณบริเวณครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก ( lower half of the sternum)
– ต้องกดแรงและเร็ว (push hard and push fast)
– อัตราการกดต้องไม่น้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
– กดให้ลึกอย่างน้อย 2นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร
– ต้องผ่อนแรงหลังการกด ให้ทรวงอกคลายตัวได้อย่างเต็มที่เพื่อรอรับการกดในครั้งต่อไป
– ต้องระวังต้องไม่ให้มีการหยุดกดหน้าอกบ่อยๆ หรือหยุดกดเป็นเวลานานๆ
– อัตราส่วนของการกดต่อการช่วยหายใจคือ 30 : 2
การช่วยชีวิตผู้ป่วยในเวลาที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นั้นสามารถเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยและการช่วยชีวิตพื้นฐานนั้นก็ต้องทำต่อเนื่องจนกระทั่งทีมช่วยเหลือขั้นสูงมาถึง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดวงใจ รัตนธัญญา
ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุขศาสตร์
Leave a Reply