เอกสารองค์ความรู้ (KM)

ชื่อหัวข้อ: การจัดการพฤติกรรม “เจ้ากี้เจ้าการ” และ “แยกตัวทางสังคม” ในผู้ป่วยจิตเวช

วันแลกเปลี่ยนเรียนรู้: 27 เมษายน 2559

ผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้:

• อ.ดร.อทิตยา พรชัยเกตุ โอว ยอง

• ผศ.ดร.อติรัตน์ วัฒนไพลิน

ประเภทองค์ความรู้: Tacit Knowledge (ประสบการณ์ตรงจากการสอนภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วย)

ผู้จัดทำองค์ความรู้: นพพร ว่องสิริมาศ และศิรดา เกษรศรี

1. ที่มาและความสำคัญของการจัดการความรู้

การเรียนรู้ภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วยจิตเวชมักเผชิญกับพฤติกรรมที่ท้าทายของผู้ป่วย เช่น พฤติกรรมเจ้ากี้เจ้าการ (Manipulative Behavior) และพฤติกรรมแยกตัวทางสังคม (Withdrawal Behavior) ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของนักศึกษาและความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์จึงเป็นวิธีสำคัญในการสกัดองค์ความรู้และพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม

2. องค์ความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

2.1 การจัดการพฤติกรรมเจ้ากี้เจ้าการ (Manipulative Behavior)

ผู้ถ่ายทอด: อ.ดร.อทิตยา พรชัยเกตุ โอว ยอง

ลักษณะผู้ป่วย:

• พบในผู้ป่วยที่มี personality disorder เช่น Borderline, Antisocial, Narcissistic

• ผู้ป่วยโรคจิตเวชเรื้อรัง เช่น Schizophrenia, Bipolar manic, Substance abuse

รูปแบบพฤติกรรมที่พบ:

• Self-harm เพื่อเรียกร้องความสนใจ

• การควบคุมหรือกดดันผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

• พฤติกรรมบงการในกิจกรรมกลุ่ม

แนวทางการจัดการ:

• ประเมินแรงจูงใจของพฤติกรรม: เพื่อยอมรับ/ต่อต้าน/แสวงหาผลประโยชน์

• ให้สัมพันธภาพแบบเชิงบวกอย่างมั่นคงและมีขอบเขต

• ไม่ให้สิทธิพิเศษหรือเงื่อนไขพิเศษ

• ใช้เทคนิคเชิงพฤติกรรม เช่น limit setting, positive reinforcement

• จัดกิจกรรมที่ผู้ป่วยสามารถทำสำเร็จเพื่อเสริมความภาคภูมิใจ

• ให้นักศึกษาเรียนรู้ผ่านการ Pre-conference และ handover กรณีผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมซับซ้อน

2.2 การจัดการพฤติกรรมแยกตัวทางสังคม (Social Withdrawal Behavior)

ผู้ถ่ายทอด: ผศ.ดร.อติรัตน์ วัฒนไพลิน

ลักษณะผู้ป่วย:

• พบในผู้ป่วยจิตเภท, โรคซึมเศร้า, ผู้ป่วยเรื้อรังที่ถูกตีตราจากสังคม

• พฤติกรรม: ไม่พูด, หลีกเลี่ยงกิจกรรม, แยกตัวลำพัง, ถูกควบคุมโดย hallucination

แนวทางการจัดการ:

• ใช้ยาร่วมกับการสร้างสัมพันธภาพเชิงบำบัด (Therapeutic relationship) แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

• สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ไม่กระตุ้น

• ยอมรับผู้ป่วยอย่างไม่มีเงื่อนไข (unconditional positive regard)

• ฝึกทักษะทางสังคมอย่างมีลำดับ ผ่าน role-play และกิจกรรมกลุ่ม

• สังเกตพฤติกรรมที่เหมาะสมและให้คำชมเสริมแรง

• เน้นความสม่ำเสมอและความอดทนของผู้ดูแล

• ให้พยาบาล/นักศึกษาแยกแยะว่าพฤติกรรมเกิดจากโรคหรือบุคลิกภาพเดิม

3. บทเรียนที่ได้ (Lessons Learned)

• การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ป่วยมักสะท้อนความทุกข์ ความต้องการ การขาดการยอมรับ

• การสร้างสัมพันธภาพที่จริงใจและมั่นคงเป็นกุญแจสำคัญในการลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา

• นักศึกษาพยาบาลต้องได้รับการเตรียมตัวอย่างเหมาะสมเพื่อเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรม และมีแนวทางการจัดการที่ปลอดภัย

4. ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา

• พัฒนาคู่มือการจัดการพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวชแบบฉบับนักศึกษา

• จัดการประชุม Pre-conference อย่างเป็นระบบก่อนลงกิจกรรมกลุ่ม

• ส่งเสริมนักศึกษารับเวรและส่งเวรร่วมกันเพื่อเข้าใจผู้ป่วยอย่างรอบด้าน

• ใช้กรณีศึกษา (Case-based learning) เพื่อเสริมการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง

5. รูปแบบการนำไปใช้

• ใช้เป็นแนวทางฝึกสอนภาคปฏิบัติของนักศึกษาในหอผู้ป่วยจิตเวช

• ใช้พัฒนาเป็นคู่มือการพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยพฤติกรรมเฉพาะ

• ขยายผลในเวทีการพัฒนาทักษะพยาบาลวิชาชีพด้านสุขภาพจิต